เมนู

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวาจยคามินาปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิ
วิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ
ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
[1095] 7. เนวาจยคามินาปจตยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่
อปจยคามิธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

คือ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

3. อธิปติปัจจัย


[1096] 1. อาจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่อาจยคามิธรรม
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

มี 2 อย่าง คือ ที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
บุคคลให้ทาน สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศลกรรม
นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.
บุคคลกระทำกุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.
บุคคลออกจากฌาน กระทำฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว
พิจารณา.

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็น
อาจยคามิธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำขันธ์นั้นให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นอาจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
[1097] 2. อาจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่เนวาจยคามินา-
ปจยคามิธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นอาจคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้ง
หลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
[1098] 3. อาจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่อาจยคามิธรรม
และเนวาจยคามินาปจยคามธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

มีอย่างเดียว คือเป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นอาจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ
จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย
[1099] 4. อปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่อปจยคามิธรรม
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นอาจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
[1100] 5. อปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่อาจยคามิธรรม
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
พระเสขบุคคลทั้งหลายออกจากมรรค กระทำธรรมให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.
[1101] 6. อปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่เนวาจยคามินา-
ปจยคามิธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี 2 อย่าง คือ ที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
พระอรหันต์ออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
แล้ว พิจารณา.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นอปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป
ทั้งหลาย.

[1102] 7. อปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่อปจยคามิธรรม
และเนวาจยคามินาปจยคามิธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมเป็นอปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ
จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจชองอธิปติปัจจัย.
[1103] 8. เนวาจยคามินาปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่เนวา-
จยคามินาปจยคามิธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี 2 อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
พระอรหันต์กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา,
กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นเนวาจยคามินาปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-
ยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
[1104] 9. เนวาจยคามินาปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่
อาจยคามิธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่

พระเสกขบุคคลทั้งหลาย กระทำผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว
พิจารณา, กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว พิจารณา.
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน ด้วยอำนาจของอธิปติ-
ปัจจัย.
บุคคลการทำจักษุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อม
เพลิดเพลิน ฯลฯ
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำหทยวัตถุ ฯลฯ
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวาจยคามินาปจยคามิธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อม
เกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.
[1105] 10. เนวาจยคามินาปจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่
อปจยคามิธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย ฯลฯ เป็น
ปัจจัย ฯลฯ

4. อนันตรปัจจัย


[1106] 1. อาจยคามิธรรม เป็นปัจจัยแก่อาจยคามิธรรม
ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย